สังคมไร้เงินสดค่อย ๆ พัฒนาขึ้นทุกวัน ท่ามกลางยุคออนไลน์ที่อะไร ๆ ก็ออนไลน์ จากเดิมที่จ่ายบิลก็ต้องไปเคาน์เตอร์ เริ่มพัฒนาเป็นการผูกบัตรเครดิต และเริ่มผูกบัตรเดบิตได้ การทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์แต่ละธนาคารก็พัฒนาระบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น จนมาในตอนนี้ที่ E-Wallet กำลังบูมมากในประเทศไทยและทั่วโลก แต่ละแพลตฟอร์มที่มีความเกี่ยวข้องกับการซื้อขายออนไลน์ก็สร้างเป็นของตัวเองแทบทั้งสิน ซึ่งเจ้า Wallet ที่เราพูดถึงนี้สามารถใช้ได้สะดวกสบายทั้งในบริบทของออนไลน์และออฟไลน์ นึกง่าย ๆ ก็เหมือนเป็นกระเป๋าเงินสดในออนไลน์นั่นเองล่ะครับ ผมถึงได้บอกว่ามันคือกระเป๋าตังค์ของคนยุคนี้
“E-Wallet ในไทยคึกคักมากในช่วง 2-3 ปีมานี้”
วิธีการดึงดูดให้ผู้คนหันมาใช้แอปฯ Wallet ที่แต่ละแพลตฟอร์มคิดกลยุทธ์มาเสิร์ฟผู้บริโภคก็ไม่ใช่วิธีใหม่แต่น่าสนใจ วิธีคิดคือต้องคำนึงถึงความสบายและคุ้มค่า โดยที่เห็นหลัก ๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นสิทธิพิเศษหรือโปรโมชั่นที่มอบให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ดึงดูดให้ใช้มาก ๆ เลยล่ะครับ เพราะโดยปกติถ้าต้องจ่ายเงินกับที่ไหนเป็นประจำ การใช้กระเป๋าเงินออนไลน์ก็ช่วยให้ง่ายแก่การจับจ่าย แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่บางคนอาจจะคิดเล็กคิดน้อย เช่น เศษสตางค์ในบัญชีไม่สามารถถอนออกมาได้ ก็จะทำให้รู้สึกเหมือนขาดทุนสำหรับคนที่เป๊ะมาก ๆ กับการจ่ายเงิน เพราะเมื่อคุณเติมเงินเข้าไปใน Wallet ก็จะไม่สามารถถอนออกมาเป็นเงินสดได้ แต่ผมมองว่าความสะดวกสบายหรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ ผู้ใช้งานจะได้รับมากกว่าที่จะเสีย เรื่องนี้ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนเลยล่ะครับ
“กลยุทธ์ของแต่ละแพลตฟอร์มเพื่อดึงดูดให้ผู้คนใช้กระเป๋าเงินออนไลน์น่าสนใจมาก”
แม้จะมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่มีความกังวลในการใช้แอปฯ Wallet แต่อย่างที่ผมบอกครับว่าโปรโมชั่นมันดึงดูดมากจริง ๆ ทั้งการได้รับแคชแบ็ค ส่วนลด ได้สะสมแต้มที่มากขึ้น และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เนื่องจากการใช้แอปพลิเคชันของแพลตฟอร์มต่าง ๆ แน่นอนล่ะว่าทางตัวแพลตฟอร์มเองจะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมกับทางธนาคารเจ้าของบัตร แถมยังเพิ่มเงินหมนุเวียนในระบบมหาศาล ยกตัวอย่าง Grab แอปที่ผู้คนนิยมสั่งอาหารหรือเรียกรถ เมื่อใช้แอปพลิเคชัน Wallet ก็จะได้รับส่วนลดที่สูงมากกว่าการจ่ายเงินผ่านช่องทางอื่น และเนื่องจากเป็นแอปที่ผู้คนใช้ในชีวิตประจำวัน การเติมเงินในวอลเล็ตเพื่อรับส่วนลดมากมายก็เป็นเรื่องง่ายที่จะดึงดูดให้ทำ หรืออย่าง Seekster แอปจ้างแม่บ้านทำความสะอาด (และงานภายในบ้านอื่น ๆ) เมื่อชวนเพื่อนมาใช้บริการ ทางบริษัทจะให้เงินกับคุณ 100 บาทในแอปฯทันที ทำให้ผู้ใช้งานก็ต้องอยากจ่ายเงินผ่านวอลเล็ตเพื่อรับ 100 บาทนั้นนั่นเองครับ
ผมมองว่าพวกสิทธิประโยชน์เหล่านี้แหละครับที่แพลตฟอร์มต่าง ๆ ต้องคิดกลยุทธ์ออกมาเพื่อดึงดูดให้คนใช้เจ้ากระเป๋าตังค์ออนไลน์กันเยอะขึ้น หรือแม้แต่แบรนด์ที่ใช้วอลเล็ตมานานและได้รับความนิยมมากอย่าง True Wallet และ Rabbit Line Pay ก็ยังมีโปรโมชั่นออกมาเรื่อย ๆ เช่น เป็นพันธมิตรกับร้านค้าต่าง ๆ เมื่อจ่ายผ่าน Wallet จะได้รับส่วนลด เป็นต้น และเมื่อผู้ใช้งานได้ใช้ Wallet จนชิน ก็จะติดเป็นพฤติกรรมนั่นเองครับ
“กระเป๋าเงินออนไลน์ สะดวก สบาย เงินไม่มีวันหาย”
ผมมองว่าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตื่นตัวกับกระเป๋าเงินออนไลน์พอสมควรนะครับ อย่างภาครัฐก็มีการใช้ “เป๋าตัง” ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในช่วงรับเงินโครงการชิมช้อปใช้ ส่วนภาคเอกชนก็ตื่นตัวกันมากแล้วครับ ร้านค้า ร้านอาหาร หลาย ๆ ที่เริ่มเปิดรับการจ่ายเงินผ่าน Wallet กันมาสักระยะแล้ว บอกเลยครับว่าในยุคนี้ยิ่งมีช่องทางการเก็บเงินจากลูกค้ามากเท่าไหร่ยิ่งดี และยิ่งสะดวกสบายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเข้าไปอีกล่ะครับ สำหรับธุรกิจ SMEs ที่ไม่มีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเองก็ไปเป็นพันธมิตกับ แอปฯ Wallet เจ้าใหญ่ ๆ ก่อน ค่อย ๆ ปรับตัวกันไปครับ เพราะสังคมไร้เงินสดเป็นสิ่งที่ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลง แล้วคุณจะรู้ว่าเจ้าตัวเนี้ยแหละเป็นกระเป๋าตังค์ของคนยุคนี้ที่คนซื้อก็จ่ายง่าย คนขายก็แฮปปี้
เมื่อวิธีการแสนสะดวกสบาย โอกาสที่จะได้เงินจากกระเป๋าลูกค้าก็เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยกว่าการแอดบัตรเครดิตหรือพกเงินสดมาก เงินของคุณจะไม่มีวันหายเมื่อเติมเงินเข้าไปในระบบ จะมีเพียงสองกรณีที่เงินจะหาย คือ ระบบล่มซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทางบริษัทผู้ให้บริการต้องรับผิดชอบแน่นอนอยู่แล้วครับ และอีกกรณีคือช็อปเพลินจนเงินหมด ก็นั่นแหละครับ มันทั้งสะดวกและคุ้มค่าจนอดใจไม่ไหว