จากการปรับระบบตัวชี้วัดโฆษณาของ Facebook ที่เอา Relevance Score คะแนนความตรงกลุ่มเป้าหมายออกไป โดยเอาตัวชี้วัด Quality Ranking, Engagement Rate Ranking และ Conversion Rate Ranking เข้ามาแทน เพื่อให้การวิเคราะห์ผลลัพธ์ของโฆษณามีประสิทธิภาพและละเอียดยิ่งขึ้น โดยผลลัพธ์ที่แสดงออกมาจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า Ad Relevance Diagnostics ให้แปลแบบตรงตัวก็คือการวิเคราะห์ความเกี่ยวข้องของโฆษณา อาจจะฟังดูเข้าใจยาก แต่จริง ๆ ผมไม่อยากให้มองแบบนั้นครับ ให้คุณมองง่าย ๆ ว่าผลลัพธ์มันจะบอกคุณว่า โฆษณาของคุณดีกว่าหรือเท่ากับค่าเฉลี่ย (Average or above) หรือ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย (Below Average)
ผมจะขอเรียกการวัดผลเหล่านี้ว่าเป็น แรงค์ หรือ Ranking ก็แล้วกันนะครับเพื่อให้เข้าใจกันแบบง่าย ๆ โดยตัวนี้มันจะบอกได้อย่างดีว่ากลุ่มเป้าหมายที่คุณใช้เนี่ยมันมีประสิทธิภาพแค่ไหน โดยเปรียบเทียบโฆษณาของคุณกับโฆษณาตัวอื่น ๆ ที่ใช้กลุ่มเป้าหมายเดียวกัน แล้วได้ผลลัพธ์ออกมาว่า “โฆษณาของคุณอยู่ในแรงค์ไหน Average or above หรือ Below Average”
Facebook เขาแนะนำว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่โฆษณาของคุณไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ให้รีบดูทันทีว่าโฆษณาของคุณอยู่ในแรงค์ไหน และจะดีมากถ้าคุณดูทั้ง 3 ตัวชี้วัดควบคู่กันไปแล้ววิเคราะห์ผลลัพธ์ให้ได้ว่าปัญหาคืออะไร ซึ่งเขาก็ได้ทำตารางไว้ให้ดูอย่างค่อนข้างละเอียดพอสมควรครับว่าเมื่อผลลัพธ์ออกมาในรูปแบบต่าง ๆ คุณควรจะปรับเปลี่ยนโฆษณาของคุณอย่างไรบ้าง โดยผมได้สรุปโดยอธิบายให้เข้าใจง่ายตามตารางด้านล่างเลยครับ
จากตารางจะเห็นได้ว่าความเป็นไปได้ของผลลัพธ์ที่จะเกิดกับโฆษณาของคุณมีถึง 9 แบบเลยทีเดียว (ถ้าดูตัวชี้วัดทั้ง 3 ตัวควบคู่กันไป) จะเห็นได้ว่าวิธีการปรับโฆษณาก็ปรับไปตามผลลัพธ์ที่ออกมา ผมมีหลักการง่าย ๆ ที่ผมอยากแนะนำให้ลองใช้กันนะครับ
Quality Ranking ไม่ดี ปรับตัวอาร์ตโฆษณาให้สวยงามดึงดูดกลุ่มเป้าหมายก่อน
Engagement Rate Ranking ไม่ดี ปรับตัวโฆษณาหรือเนื้อหาให้น่าสนใจสำหรับกลุ่มเป้าหมายก่อน
Conversion Rate Ranking ไม่ดี ปรับปุ่มกระตุ้นการดำเนินการ (call-to-action) ถ้าไม่มีก็ติดซะ รวมไปจนถึงทำให้โฆษณาดูน่าคลิกเสียก่อน
สิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้อีกอย่างก็คือ เมื่อโฆษณาของคุณบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้แล้ว การจัดอันดับหรือแรงค์เหล่านี้ก็ไม่ได้จำเป็นสำหรับคุณเท่าไหร่ อยากจะให้ดูว่าการทำโฆษณา Facebook นั้นบรรลุวัตถุประสงค์ในการตลาดของคุณหรือเปล่า ถ้ามันยังไม่ได้อย่างที่ตั้งไว้ ก็ต้องมาดูสถิติจากตัวชี้วัดต่าง ๆ ว่าเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้น ค่อย ๆ วิเคราะห์และแก้ไขไปตามที่แนะนำในบทความ และอย่างที่ผมเน้นย้ำอยู่บ่อย ๆ ครับว่า ต่อให้ผลลัพธ์โฆษณาไม่ดี แต่ถ้าขายดีมากเกินคาด นั่นแปลว่าคุณทำดีแล้ว