สวัสดีครับ เพื่อนๆแฟนเพจที่รักทุกคน วันนี้อะโฮ้อยากจะพูดถึงคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นช่วงอายุที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยรุ่นและวัยทำงาน หรือที่เรารู้จักในนามวัยรุ่นยุคใหม่ ยุคของคน Gen Z ซึ่งก็คือ คนที่เกิดในช่วงปี ค.ศ. 1995 – 2012 ถ้านับอายุกันจริงๆตอนนี้ก็น่าจะอายุประมาณ 6-23 ปีแล้วล่ะครับ พูดง่ายๆก็คือ น้องๆกลุ่มนี้ก็กำลังทยอยเริ่มต้นเข้าสู่วัยทำงาน และในช่วงตลอด 20 ปีหลังจากนี้ พวกเขาเหล่านี้ก็จะก้าวขึ้นมาเป็นเสาหลักของโลก
ดังนั้นหากเราจะมองโลกต่อไปในอีก 20 ปีข้างหน้า เราจะต้องทำความเข้าใจกันก่อนครับว่าคนกลุ่มนี้เขามีนิสัยและพฤติกรรมเป็นอย่างไร ซึ่งถ้ามองกันดีๆจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ที่คนกลุ่ม Gen Z นี้ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก พวกเขาได้พบเจออะไรมาบ้าง พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ เป็นอย่างไร เพื่อที่จะสะท้อนภาพ สังคม การเมือง และ เศรษฐกิจโลกในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งถึงเวลานั้น คนกลุ่มนี้จะมีอายุขัยอยู่ที่ 26-43 ปี ช่วงวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน
อะโฮ้ ต้องขอเรียนเพื่อนๆว่า โปรดใช้จักรยานในการอ่านนะครับ เพราะถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า พวกคน Gen Z จะสามารถขับเคลื่อนโลกทั้งใบนี้กันไปได้เป็นอย่างไร ก็ได้แต่คาดเดาไปต่างๆนาๆ จากสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คนรุ่นนี้คิดกันง่ายๆก็ประมาณน้องๆกับโค้ชทีมหมูป่านี่แหละครับ ต้องขอแสดงความยินดีกับทีมหมูป่าด้วยนะครับที่ปลอดภัยกันทุกคน พวกคุณจะเป็นคน Gen Z ที่ดีของโลกใบนี้ต่อไป ยามที่น้องๆท้อแท้ สิ้นหวัง อย่าลืมคิดถึงคนทั่วโลกที่ส่งกำลังใจช่วยน้องๆตอนติดถ้ำนะ
อุปนิสัยอย่างแรกเลยของคน Gen Z คือ คนรุ่นนี้เขาเกิดมา ในยุคที่ โนเกียก่อนเจ๊ง (ซึ่งสมัยนั้นยังรุ่งเรือง) ถึงประมาณ ยุคไอโฟน5 ช่วงเปิดตัว หมายความว่าเด็กพวกนี้ต้องพบเจออะไรมาบ้าง เราลองมาคิดกัน อย่างแรกเลยคือ น้องๆพวกนี้ไม่รู้จักทีวี หรือรู้จักทีวีในนามจอสี่เหลี่ยมที่สร้างภาพ ซึ่งตามที่อะโฮ้ได้พบปะพูดคุยกับน้องๆกลุ่มนี้อยู่บ่อยๆพบว่า พวกนี้แทบจะไม่รู้จักช่องทีวี 3,5,7,9,11 เลย แต่ในทางกลับกันสื่อกระแสหลักของพวกเขาที่เกิดมาพร้อมๆกับน้องๆกลุ่มนี้เลยก็คือโลกโซเชียลนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น เฟสบุ๊ค ยูทูป หรือกูเกิ้ล เป็นต้น เนื่องจากชีวิตส่วนใหญ่ของเขาอยู่แต่ในโลกออนไลน์ วันๆเสพข่าวสารมากมาย จริงบ้างหลอกบ้าง จึงทำให้เด็กพวกนี้รักเร็วแล้วเลิกเร็วเหมือนกัน ตอนนี้ชอบสิ่งหนึ่งอยู่ สักพักก็เปลี่ยนสิ่งที่รักไปเรื่อยๆ หรือสมาธิสั้นนั่นเองถ้าไม่ได้ควบคุมหรือดูแลกันให้ดี แต่สุดท้ายแล้วในไม่ดี ก็มี ดี ปะปนกันไป หากน้องๆกลุ่มนี้ค้นพบกับแนวทางหรือสิ่งที่เขาชอบแล้วล่ะก็ จะสามารถดำดิ่งไปกับสิ่งนั้นได้ลึกสุดๆเลยทีเดียว เรียกว่าตามรสนิยมเฉพาะตัวของเขาจริงๆ ซึ่งต่างจากคนสมัยก่อน ที่ไม่สามารถดำดิ่งกับเรื่องเฉพาะทางได้ เนื่องด้วยข้อมูลมีจำกัด
จากรสนิยมดังกล่าวนี้ ถ้าเปรียบเทียบกับคนยุคเก่าๆแล้ว เด็กยุคนี้จะมีความอดทนต่ำ เริ่มต้นจะเปลี่ยนสิ่งที่ชอบกันไปเรื่อยๆ แต่ถ้าไปพบเจอรสนิยมส่วนตัวเฉพาะทางที่สนใจอย่างใดอย่างนึงแล้ว จะดำดิ่งไปแบบลึกสุดๆ ซึ่งก็เป็นข้อดีของคนยุคนี้ ด้วยความแปลกที่ไม่ค่อยสนใจโลกรอบข้าง และความสามารถแบบทางใครทางมันสุดๆ ความสำเร็จของคนกลุ่มนี้เลยมักจะเริ่มต้นแบบใต้ดินมาก่อน แล้วค่อยโผล่ขึ้นมาบนดิน ยกตัวอย่างเช่น Rapper วันนี้ที่โด่งดังเป็นกระแสบนดินได้ พวกนี้ก็มุดรูอยู่ใต้ดินกันมาก่อน ไม่แปลกที่พ่อแม่จะกลุ้มใจเอามากๆที่เห็นลูกมันเป็น Hip-Hop คงได้แต่คิดในใจว่าต่อไปพวกนี้โตมาจะทำไรกิน แต่ที่ไหนได้ วันนี้กระแสมา พวกนี้รวยเอาๆ
และถ้าคนรุ่นนี้ มาทำธุรกิจ ในอีก 20 ปีข้างหน้า ล่ะจะเกิดอะไรขึ้น? อะโฮ้ ขอทำนายว่า คนรุ่นนี้จะสำเร็จได้จะต้องใช้รสนิยมส่วนตัวที่ไม่เหมือนใครนี่แหละทำมาหากิน บวกกับความบ้าดีเดือด ถึงจะสำเร็จได้ เมื่อก่อน ปลาใหญ่ กินปลาเล็ก แต่เดี๋ยวนี้ ปลาเร็ว กินปลาช้า ใครจะเชื่อว่า ยักษ์ใหญ่ วันนึงในอีกไม่ไกลนับจากนี้จะถูกโค่นด้วยปลาเล็ก ยกตัวอย่างเช่นค่ายหนังยักษ์ใหญ่นามว่า ดิสนี่ วันนี้โดน Netflix ไล่มาติดๆจนตูดร้อน ด้วยนโยบายจ่ายรายเดือนดูได้ไม่อั้น และใครจะรู้ครับว่า ต่อไป ดิสนี่ และค่ายหนังอื่นๆจะเป็นแค่ตำนานหรือเปล่าถ้ายังไม่ปรับตัวกัน
อุปนิสัยต่อมา เด็กกลุ่ม Gen Z นี้ มักจะไปเรียนที่โรงเรียนกันอย่างตามมีตามเกิด แต่จะเรียนกันจริงจังกับพี่กูเกิ้ล สำหรับที่โรงเรียนสอน วิทย์ คณิต ส่วนพี่กูเกิ้ลสอนวิชาก็แล้วแต่ คือใครใคร่เรียนหรืออยากเรียนอะไรก็พิมพ์ค้นหาไป บางคนอยากเล่นดนตรี บางคนอยากเป็นพ่อครัว บางคนอยากเล่นสเก็ต บางคนอยากซื้อ bitcoin และหลายสิ่งอย่างที่จะสนใจกัน พี่กูเกิ้ลก็สามารถอบรมสั่งสอนได้หมด ดังนั้นความรู้มันสามารถหาได้ทั่วไปในอากาศ ขอให้มีสัญญาณ wifi ก็เป็นพอ และด้วยวิธีคิดดังกล่าวนี้ การเรียนรู้ด้วยตัวเองก็สามารถทำได้แบบถนัด เพื่อหาความรู้เฉพาะในสิ่งที่ชื่นชอบ ดังนั้นโลกเราในอีก 20 ปีต่อไปนี้ จะมีธุรกิจที่แตกต่าง หรือที่เรียกว่า start up เกิดขึ้นมาได้อย่างมากมาย ขอให้มีวิธีคิดที่ไม่เหมือนใคร และจะเป็นธุรกิจที่เราอาจไม่เคยรู้จัก รอวันผุดวันเกิดขึ้นอีกจำนวนมาก ก็เพราะคนในยุคนี้ไม่ได้เรียนรู้แบบมีแบบแผนอีกต่อไป คำว่า อาบน้ำร้อนมาก่อน หรือ เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด จึงใช้ไม่ได้แล้วในทุกวันนี้ ประสบการณ์ของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ หากคนรุ่นใหม่เอามาทำก็ไม่จำเป็นต้องสำเร็จเสมอไป
ดังนั้นแล้วธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร และไม่เคยมีใครมีมาก่อน จะถูกคิดและสร้างสรรค์จากเด็กๆเหล่านี้ ซึ่งจะเห็นว่าทุกวันนี้ถ้าคุณเดินธุรกิจตามเกมส์กระแสหลัก กว่าคุณจะมีเงินทุนหรือระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์หรือ IPO คุณต้องมียอดขายไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท แล้วเด็กๆรุ่นใหม่ที่มีไอเดียดีๆจะเติบโตกันได้อย่างไร รออีก 10 ชาติก็อาจจะทำไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่สามารถหาทุนรอนไปทำธุรกิจได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินจากธนาคารหรือผ่านขั้นตอนที่มีตัวกลางคอยทำให้รำคาญใจกันอีกต่อไป ปัจจุบันนี้มีการระดมทุนในแบบที่คนคิดไม่ต้องมีเงิน ขอให้มีไอเดีย ขายฝัน เขียนแผนมาให้ดูดี ล่อแมลงเม่าจากคนในโลกออนไลน์มาระดมทุนกันได้ ผ่านการเข้าตลาดหุ้นที่เรียกว่า ICO ต่างจากคนสมัยก่อนที่ค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัวจากเสื่อผืนหมอนใบจนกลายเป็นเจ้าสัว ไม่มีขั้นตอนลัดใดๆ ล้วนแล้วเป็น step by step จริงๆ แล้ววันนี้ไม่จะไม่เหมือนในอดีตอีกต่อไป
ขอสรุปกันนิดนึงนะครับ สั้นๆง่ายๆ คน Gen Z =
หนึ่ง: ข้อมูลเยอะ
สอง: สมาธิสั้น
สาม: ค้นหาความสนใจเฉพาะให้เจอ
สี่: ดำดิ่งไปกับความสนใจนั้น
ห้า: สร้างความแตกต่างเฉพาะตัว
หก: โชว์ของแสดงพลังให้โลกรู้
เจ็ด: ธุรกิจเล็กแต่ไอเดียใหญ่
แปด: ระดมทุน
เก้า: ล้มยักษ์
เอาล่ะ พอหอมปากหอมคอแค่นี้ อะโฮ้ ไม่ค่อยอยากเขียนยาวเกินไปนัก เพราะเคยได้ยินว่าคนไทยอ่านหนังสือวันละ 3 บรรทัด 555 ไว้ค่อยติดตามกันต่อไปว่า อะโฮ้ จะออกมาเล่าอะไรอีกในตอนหน้า ถ้าชอบในสำบัดสำนวนของอะโฮ้ และความปราดเปรื่องในการมองโลก ช่วยกันกระทืบ ไลค์ ให้สะเทือนไปถึงพี่มาร์ก กันเลยครับ
ไว้พบกันในตอนต่อไป….
อะโฮ้